วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

(iOS) วิธีตั้งความถี่ในการเช็คอีเมล์จาก iPhone & iPad ไปยัง email hosting

     การใช้อีเมล์ใน Smart Phone อย่าง iPhone มีวิธีที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น การดึง หรือ Update Inbox จาก Server อีเมล์ของคุณ บางทีอีเมล์ถูกส่งเข้ามาสู่ Server แล้วแต่ยังไม่เด้งมาถึงเราใน Smart Phone อีเมล์ยังคงค้างอยู่ที่ Server ทำให้เราช้าต่อการติดต่อ วันนี้เราจะมาเสนอแนะวิธี ที่ทำให้ Inbox ของคุณตรวจสอบอีเมล์ จาก Server ได้เร็วยิ่งขึ้นเพียงไม่กี่วินาที ทำให้คุณไม่พลาดการติดต่อ และทำให้ iPhone ของคุณ เรียกอีเมล์จาก Server ได้ไวยิ่งขึ้น


1. ไปที่ตั้งค่า (Setting)

2. ไปที่ Mail, Contacts, Calendars

3. เลือกไปที่ Fetch New Data

4. เลือกระยะเวลาความถี่ในการเช็คอีเมล์จาก iPhone 

บทความที่เกี่ยวข้อง
[iOS] วิธีเช็คอีเมล์ล่าสุดบน iPhone, iPad


ผู้ให้บริการ Email Hosting คุณภาพสูงที่ใช้งานร่วมกับ Google Apps ได้เป็นอย่างดี


(iOS) วิธีตั้งลายเซ็น Email หรือ คำลงท้ายอีเมล์ลงใน iPhone & iPad

1. เข้าไปที่ตั้งค่า (Settings)


2. เลือกไปที่ Mail, Contacts, Calendars


3. เลื่อนลงมาด้านล่างๆ เลือกไปที่ Signature 


4. ทำการใส่ คำลงท้าย หรือ ลายเซ็นต์ที่ต้องการ 

บทความที่เกี่ยวข้อง


วิธีเพิ่ม Calendar หรือ ปฎิทินของ gmail ลงใน iPhone & iPad


      Google Calendar คือ หนึ่งในบริการฟรี ของ Google สามารถทำงานร่วมกันกับ Gmail มีไว้ในการบันทึกกิจกรรมต่าง ๆ หรือตารางนัดหมาย ไม่ว่าจะเป็นวันหยุด เทศกาลต่าง ๆ ซึ่งสามารถใช้ร่วมกันแบ่งปันกันได้ นอกจากนี้ Google Calendar ยังสามารถ ทำการ Sync เข้า Gmail ในมือถือ เพื่อไม่พลาดการนัดหมาย ต่าง ๆ ได้อีกด้วย 


วิธีเพิ่ม Calendar หรือ ปฎิทินของ gmail ลงใน iphone



1. เข้าไปที่ตั้งค่า (Setting)


2. เลือกไปที่ Mail, Contacts, Calendars

3.เลือกไปที่ Add Account

5. เลือกไปที่ Google

6. ทำการใส่ Username Password ของ Gmail

7. เมื่อใส่ Username Password ถูกต้องแล้ว ทำการเปิดใช้งาน Calendars 

8. ไปที่หน้าหลักของ Iphone เลือกไปที่ icon calendar

9. ข้อมูลการบันทึกต่าง ๆ จะถูก Sync เข้ามาสู่ระบบใน Calendar Iphone ลองทดสอบเปิดวันที่มีการบันทึก
(ในตัวอย่างมีการบันทึกกิจกรรมในวันที่ 20)

10. รายละเอียดการบันทึกใน Google Calendar จะถูก Sync เข้ามายัง Iphone ของท่าน



บทความที่เกี่ยวข้อง
[iOS] วิธีเช็คอีเมล์ล่าสุดบน iPhone, iPad


ผู้ให้บริการ Email Hosting คุณภาพสูงที่ใช้งานร่วมกับ Google Apps ได้เป็นอย่างดี


วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

[OX-P] การตั้ง Auto Forward ไปยังบัญชีผู้ใช้อื่น

การตั้ง Auto Forward ไปยังบัญชีผู้ใช้อื่น 

คลิกที่ 'Settings'

1. คลิกที่ Auto Forward
2. พิมพ์ชื่อบัญชีอีเมล์ปลายทางที่ต้องการให้ข้อความส่งต่อ
สามารถติ๊กที่ 'Keep a copy of the message' ได้กรณีที่ต้องการเก็บอีเมล์ขารับไว้ที่บัญชีนี้ได้

และมีวิธีการอีกสองแบบ คือ

1. แบบที่เก็บอีเมล์ไว้ที่ INBOX แล้ว Forward ต่อไปให้บัญชีอื่น
2. แบบ Forward ไปยังบัญชีอื่นทันที โดยไม่เก็บอีเมล์ไว้ที่ INBOX ของผู้รับ


คลิกที่ 'Settings'

เลือกหัวข้อด้านซ้าย 'E-mail Filter Rules'
(ถ้าไม่มี ให้ติ๊ก หัวข้อ Advanced Settings อยู่ด้านล่างซ้าย)
จากนั้นคลิกปุ่ม 'Add new rule'

ตั้งชื่อ Rule ขึ้นมา เช่น AutoForward, Forwarders
จากนั้นคลิกที่ 'Add action'

ในส่วนนี้จะบอกว่าเราต้องการทำอะไรกับอีเมล์ทุกฉบับที่ส่งเข้ามา
แบบ Forward ไปยังบัญชีอื่นทันที โดยไม่เก็บอีเมล์ไว้ที่ INBOX ของผู้รับ คือการสร้าง Redirect to ไปที่บัญชีอีเมล์อื่น ๆ ทันที โดยไม่ต้องใส่ Action อื่นๆ

เลือก 'Redirect to'

ใส่ชื่อบัญชีอีเมล์ปลายทางที่ต้องการ Forward ข้อความไปที่ช่องสีเหลือง
สามารถคลิก 'Add action' และเลือก Redirect to ถ้าต้องการเพิ่มชื่อบัญชีอีเมล์ปลายทางอีก
จากนั้นคลิก Save

กรณีต้องการตั้งแบบที่เก็บอีเมล์ไว้ที่ INBOX แล้ว Forward ต่อไปให้บัญชีอื่น คือ การเพิ่ม Action: Keep ลงไปที่ Filter ดังกล่าว

ให้คลิก 'Add action' แล้วเลือกหัวข้อ 'Keep' อีเมล์ที่ก็จะทิ้งไว้ใน INBOX
ก่อน Forward ไปให้บัญชีอีเมล์อื่น ๆ

คลิกปุ่ม 'Save'

เมื่อบันทึกแล้ว จะมีชื่อหัวข้อของ Filter ที่เราสร้างขึ้นมาปรากฏที่ E-mail Filter Rules

บริษัท เทคโนโลยีแลนด์ จำกัด

ผู้ให้บริการอีเมล์โฮสติ้ง/เซิฟเวอร์ สำหรับบริษัทฯ คุณภาพสูง

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

ความแตกต่างระหว่างดูอย่างเดียวกับแก้ไขได้ในการแชร์ Google Apps

ในส่วนการทำงานของ Google Doc นั้น ไม่ว่าจะเป็น Document, Spreadsheets,  Presentations, Drawings และ Forms นั้น เราสามารถตั้งค่าแชร์ให้คนอื่นๆเข้าถึงไฟล์งานของเราได้ นอกจากนี้ยังมีรูปแบบในการแชร์ที่สามารถกำหนดได้ตามความต้องการ ในที่นี้เราจะมาพูดถึงรูปแบบการแชร์แบบดูอย่างเดียว กับสามารถแก้ไขได้ ว่าแตกต่างกันอย่างไร ดังนี้



สามารถตั้งค่าการเข้าถึงไฟล์ ให้บุคคลที่มีลิงค์หรือรายชื่อที่อนุญาตได้



ความแตกต่างระหว่างดูอย่างเดียวกับแก้ไขได้ 

การทำงานของการตั้งค่านี้ เป็นการกำหนดขอบเขตของผู้ที่เราอนุญาตให้สามารถเข้าถึงไฟล์ของเราได้ ว่าไฟล์ไหนต้องการแชร์ให้ดูเพียงอย่างเดียว และไฟล์ไหนอนุญาตให้แก้ไขและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดได้บ้าง ยกตัวอย่างเช่น


เอกสารสำคัญที่ห้ามเปลี่ยนแปลง สามารถตั้งค่าดูอย่างเดียวได้


- คุณทำรายชื่อพนักงานที่จะต้องไปอบรม พร้อมรายละเอียด กำหนดการต่างๆและต้องการแชร์ไฟล์ไปให้พนักงานที่เข้าร่วมอบรมทุกคน ในกรณีนี้คุณต้องแชร์แบบ ดูได้อย่างเดียว เพราะทุกอย่างในไฟล์นั้นถูกกำหนดไว้อย่างถูกต้องแล้ว และต้องการแชร์เพื่อให้ผู้รับได้รับทราบเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้มีการแก้ไขแต่อย่างใด หากคุณแชร์แบบแก้ไขได้ แล้วมีคนแก้ไขรายละเอียดในไฟล์ อาจทำให้ข้อมูลและกำหนดการต่างๆนั้นผิดเพี้ยนไป



ตั้งค่าแบบแก้ไขได้  เพื่อให้สามารถร่วมทำงานไปได้พร้อมๆกัน จะช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน




- บริษัทมีงานเลี้ยงปีใหม่ และมีกิจกรรมให้แต่ละแผนกร่วมสนุกโดยให้ทำการแสดงเพื่อสร้างความบันเทิงภายในงาน การแสดงของแผนกใดสร้างสรรค์ที่สุดจะมีรางวัลพิเศษให้ ในกรณีนี้ คุณและคนอื่นๆในแผนก ต้องช่วยกันคิดว่าจะแสดงอะไร แต่งตัวยังไง ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้างและอีกหลายๆเรื่องที่ต้องช่วยกันออกความเห็น คุณอาจจะช่วยกันระดมสมองโดยสร้างไฟล์นึงขึ้นมา ลิสสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องลงไป แล้วแชร์ให้เพื่อนๆทั้งแผนก โดยตั้งข้อจำกัดว่าสามารถแก้ไขได้ เผื่อคนอื่นๆมีไอเดียที่แปลกใหม่จะได้สามารถ แก้ไขเพิ่มเติมลงไปในไฟล์งานนั้นๆได้  เป็นต้น




การแชร์ไฟล์แบบสามารถตั้งข้อจำกัดได้ของ Google Apps นั้น ถือว่ามีประโยชน์ในการใช้งานอย่างมาก เพียงแค่คุณนำมาปรับใช้ ให้เมาะสมกับความต้องการและลักษณะงานของคุณ ก็จะสามารถช่วยให้คุณสามารถ บริหารจัดการงานต่างๆได้อย่างรวดเร็ว




ผู้ให้บริการ Email Hosting คุณภาพสูงที่ใช้งานร่วมกับ Google Apps ได้เป็นอย่างดี



วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

[OS X] วิธี Sync ปฏิทินของ Gmail ลงบน Mac

ในการทำงาน เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้งานปฏิทิน ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นปฏิทินตั้งโต๊ะ หรือปฏิทินออนไลน์ เพราะการนัดหมายกับลูกค้า หรือเจ้านายนั้นเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งมีผลต่อทุกธุรกิจ และทุกธุรกิจต้องใช้งานปฏิทิน

วิธี Add account เพื่อ Sync ปฏิทินออนไลน์ของ Gmail บน Mac

1. เปิด Calendar App ที่เครื่อง Mac

เลือกแถบเมนูด้านบนซ้าย Calendar > Preferences...

2. เลือก เมนู: Accounts เพื่อ Add account ของ Gmail ลงบนเครื่อง

คลิกที่ไอคอนเครื่องหมาย '+'

3. กรอกรายละเอียดของบัญชีอีเมล์

กรอกชื่อบัญชีอีเมล์ และรหัสผ่าน จากนั้นกด Set Up

4. เลือก App ที่ต้องการเพิ่ม ในที่นี้เราต้องการเฉพาะปฏิทินออนไลน์เท่านั้น

เลือก Calendar จากนั้นคลิกปุ่ม Done

5. เมื่อ Add account สำเร็จ จะปรากฏข้อมูลนัดหมายบนปฏิทินที่เราเคยเพิ่มไว้บนปฏิทิน Gmail


Synchronise Calendar with Gmail Account
บทความที่เกี่ยวข้อง
ความแตกต่างระหว่างดูอย่างเดียวกับแก้ไขได้ในการแชร์ Google Apps
Google Apps สามารถรับ Email ที่ Sender IP ติด Blacklist ได้หรือไม่
Google Apps สามารถกรอง Spam Junk ได้แม่นยำแค่ไหน
วิธีการแชร์ Google Spreadsheets ให้คนอื่น


บริษัท เทคโนโลยี แลนด์ จำกัด
ผู้ให้บริการ Email Hosting ควบคู่กับ Google Apps for Business สำหรับองค์กรทุกระดับ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

Google Apps สามารถรับ Email ที่ Sender IP ติด Blacklist ได้หรือไม่



90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ให้บริการอีเมล์ทั่วไป จะมีระบบป้องกัน spam mail แบบ Real-time Black hole list (RBL) เปรียบเสมือนสมุดที่มีรายชื่อของพวก spam และ blacklist อยู่ และจะทำการบล็อค IP นั้นๆทำให้ไม่สามารถส่งอีเมล์ขยะเข้ามาได้อีก ฟังดูเหมือนจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดี แต่ช้าก่อน การโดนบล็อคทั้ง IP ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เพราะนั่นทำให้คุณไม่สามารถรับอีเมล์ที่ดีจาก IP นั้นๆไปด้วย

แล้วจะทำอย่างไร?

จากที่กล่าวไปแล้วว่ามี 90เปอร์เซ็นต์ของผู้ให้บริการอีเมล์ที่ใช้ระบบนี้ แปลว่ายังมีอีกประมาน 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ให้บริการ ที่มีระบบแตกต่างจากระบบข้างต้น

หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการอีเมล์โฮสติ้งที่ดี มีมาตรฐาน คุณควรเลือกผู้ให้บริการที่มีระบบ Spam Guard ที่มีมาตรฐานด้วยเช่นกัน และหนึ่งในผู้ให้บริการที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ก็คือ Google Apps

ระบบการป้องกันของ Google Apps

Google Apps มีระบบ Spam Guard ที่มีความฉลาดในการแยกแยะอีเมล์ว่าอีเมล์นั้นๆเป็นอีเมล์ที่ดีหรือไม่ ด้วยความที่ Google มีฐานข้อมูลจำนวนมหาศาลอยู่ในมือ ทำให้สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ว่าอีเมล์นั้นๆสมควรปล่อยผ่านหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยมโดยวัดจากพฤติกรรมของผู้ใช้ หากว่าอีเมล์ฉบับนั้นเคยถูกปล่อยผ่านเข้าไปใน Inbox แล้วผู้ใช้ไม่เปิดอ่าน ลบทิ้งบ่อยๆ จะเกิดการเรียนรู้ว่าอีเมล์ฉบับนั้นมีความผิดปกติ ซึ่งในกรณีที่เห็นว่าอีเมล์ฉบับใดไม่น่าไว้ใจ Google จะไม่บล็อคทั้ง IP
แต่จะบล็อคแค่อีเมล์ที่มีปัญหาเท่านั้น นั่นจึงสรุปได้ว่า Google Apps สามารถรับอีเมล์ที่ Sender IP ติด Blacklist ได้

บทความที่เกี่ยวข้อง
[OS X] วิธี Sync ปฏิทินของ Gmail ลงบน Mac
Google Apps สามารถกรอง Spam Junk ได้แม่นยำแค่ไหน
วิธีการแชร์ Google Spreadsheets ให้คนอื่น

ความแตกต่างระหว่างดูอย่างเดียวกับแก้ไขได้ในการแชร์ Google Apps



ผู้ให้บริการ Email Hosting คุณภาพสูงที่ใช้งานร่วมกับ Google Apps ได้เป็นอย่างดี