บทวิเคราะห์ที่ละเอียดที่สุดสำหรับการเลือกซื้อ
เว็บโฮสติ้ง (Web Hosting)
บทวิเคราะห์สำหรับการเลือกซื้อ เว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) |
หลายๆคนที่มีเว็บไซต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บส่วนตัวหรือเว็บของหน่วยงานองค์กรบริษัทของตนเอง หากต้องการนำขึ้นเว็บสิ่งแรกที่ต้องมี คือ เว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) หรือ แปลตรงๆ ก็แปลว่าที่ฝากเว็บไซต์ ผู้เขียนในฐานะที่อยู่ในแวดวง Web Hosting มามากกว่า 10 ปี ขอให้ผู้ซื้อวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทที่ให้บริการ Web Hosting ก่อนที่จะทำการซื้อดังนี้
- Web Hosting ต้องไม่ล่มผู้ให้บริการ Web Hosting ต้องเป็นบริษัทที่มั่นคง
ควรเลือกซื้อหรือเช่าเว็บโฮสติ้งจากบริษัทที่มีความมั่นคง
เป็นเรื่องธรรมดาที่บริษัทที่มีความมั่นคงจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมั่น และเชื่อถือมากกว่าบริษัทเล็กๆ หรือ คนขาย Hosting ที่เป็นบุคคลธรรมดา แต่ในทางกลับกัน หากคุณเลือกซื้อ Web Hosting กับ บริษัทที่มีความมั่นคงหรือมีชื่อเสียง ราคานั้นก็จะสูงกว่าเจ้าอื่นๆ เพราะบริษัทใหญ่ๆ ต้องมีค่าบริหารจัดการที่ทำให้ Hosting ที่คุณใช้มีความเป็นมาตรฐาน แต่ผู้เขียนแนะนำว่าเป็นสิ่งที่คุณควรจะต้องจ่าย ไม่อย่างนั้น คุณอาจจะต้องประสบปัญหา เช่น โทรหาไปยังผู้ให้บริการ Hosting ไม่ได้เพราะปิดมือถือ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมากมาย และ ทำให้คุณต้องย้าย Hosting ในที่สุด - ผู้ให้บริการส่วนมากมักจะโฆษณาว่า 99.999% Uptime
การล่มของเว็บโฮสติ้งนั้นมีผลต่อธุรกิจของคุณ
99.999% uptime = 5 นาที downtime / ปี
99.99% uptime = 53 นาที downtime / ปี
99.9% uptime = 8 ชั่วโมง 45 minutes downtime / ปี
99% uptime = 3.65 วัน downtime / ปี
ซึ่งแปลว่าทั้งปีห้ามล่มเกิน 5 นาที ซึ่งผู้เขียนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะแค่เพียงทำการ Restart Server บางทีเผลอๆ ก็ใช้เวลาไปเกิน 5 นาทีแล้ว ซึ่งมันเกิดแน่นอนดังนั้นถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ มันก็ควรจะเป็นช่วงเย็นเท่านั้น ไม่ใช้ตอนกลางวัน - Server ต้องอยู่ใน Data Center จริงๆ
Datacenter เป็นห้องที่ความมั่นคงสูง เช่นServer ของคุณต้องตั้งอยู่ใน Data Center
3.2 ต้องมีระบบป้องกันอัคคีภัยที่เป็นมาตรฐาน
3.3 ต้องมีวิศวกรคอยควบคุมตลอดเวลา
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความเสถียร และความปลอดภัยของ Server ซึ่งคุณได้ใช้อยู่ แต่ก็ต้องยอมรับราคาที่อาจจะสูงกว่าปกติด้วย - ต้องมีความปลอดภัย
SSL คือ ใบรับรองความปลอดภัยของข้อมูล
ผู้ให้บริการไม่กี่รายนักในประเทศไทย ที่ได้มีการเก็บข้อมูลของลูกค้าด้วยการเข้ารหัส ที่ได้รับรับรอง SSL Certificate หรือ ใบรับรองความปลอดภัย ซึ่ง SSL Certificate เป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ว่าการทำธุรกรรมต่างๆ ระหว่างคุณกับผู้ให้บริการ Web Hosting นั้นมีความปลอดภัยที่สุด - Support เป็นหัวใจและสิ่งสำคัญที่สุด
การให้บริการลูกค้าด้วยทีมวิศวกรที่มีความเป็นมืออาชีพ นั้นเป็นหัวใจที่สำคัญ
5.1 Live Chat
Live Chat เป็นรูปแบบการ Support ที่ผู้ให้บริการ Web Hosting ที่มีมาตรฐานจะให้ลูกค้าได้ใช้บริการ ซึ่ง Live Chat ค่อนข้างสำคัญมาก จากมุมมองผู้เขียนเพราะบางทีต้องส่งข้อมูลซึ่งเป็น ตัวอักษรยึกยือ ซึ่งบางทีการโทรคุยกันอาจจะไม่สะดวก หรือทางอีเมล์ ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้คำตอบ
5.2 Remote Supportการ Support ด้วยการควบคุมหน้าจอจากระยะไกล
ในมุมมองผู้เขียนมองว่าการ Remote Support เป็นการ Service ที่ดีที่สุด เพราะว่า วิศวกรของบริษัทผู้ให้บริการนั้นสามารถมองเห็นปัญหาจากหน้าจอของคุณจริงๆ และสามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาได้ทันที
5.3 Email หรือ Ticket Support
เป็นรูปแบบการให้บริการ Support พื้นฐานที่ทุกบริษัทที่ให้บริการด้าน Web Hosting ควรที่จะมี หากไม่มีข้อนี้ คุณควรเปลี่ยนเจ้าโดยทันที เพราะอาจจะทำให้คุณติดต่อผู้ให้บริการไม่ได้
5.4 Call Support
เป็นรูปแบบบริการพื้นฐาน เช่นเดียวกัน จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่ได้พูดคุยกับโปรแกรมเมอร์จำนวนมาก มักพบว่าบริษัทหรือหน่วยง่ายหลายๆที่ ไม่ได้ให้ลูกค้าคุยกับวิศวกร แต่กลับให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่มีความรู้ในการแก้ไขปัญหามารับสายหรือรับเรื่องเอาไว้ ซึ่งทำให้ปัญหาของคุณถูกดองไว้ ซึ่งเสียเวลาและเกิดความไม่สะดวกกับทางคุณเช่นเดียวกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง
Web Hosting ราคาถูก เว็บโฮสติ้งราคาถูกมีอยู่จริงหรือ ?
5 เหตุผล ที่ทำไมคุณควรเลือกซื้อ "เว็บโฮสติ้ง (Web Hosting)" กับ บริษัทใหญ่ๆ
10 ข้อ ที่บริษัทขายเว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) ไม่ได้บอกคุณ
5 เหตุผล ที่ทำไมคุณควรเลือกซื้อ "เว็บโฮสติ้ง (Web Hosting)" กับ บริษัทใหญ่ๆ
10 ข้อ ที่บริษัทขายเว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) ไม่ได้บอกคุณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น